8 ลักษณะเพื่อการสังเกตในการเลือกร้านอาหารที่มีบริการที่ดี (โดยเฉพาะร้านอาหารไฮโซ)

ถ้าเราจะบอกว่าร้านอาหารที่ขึ้นชื่อว่าตั้งมานานที่สุดในโลกมีที่ชื่อว่า Sobrino de Botín ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2025 เป็นร้านอาหารสเปนในรูปแบบต้นตำรับที่ยังคงรักษาความดั้งเดิมของกรรมวิธีการปรุงอาหารมายาวนานเกือบ 300 ปี เหตุผลสำคัญที่ทำให้ร้านอาหารตั้งอยู่ได้นานก็เพราะการเอาใจใส่ลูกค้า เจ้าของร้านอาหารบางคนไม่ใส่ใจลูกค้าของพวกเขาเลย และบางร้านอาจต้องปิดไปเพราะการบริการหรือคุณภาพของอาหารไม่ดีพอ แต่เพียงแค่รู้ความลับเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ก็อาจช่วยคุณลดความเสี่ยงในการทำร้านอาหารได้

พวกเราพบว่าเคล็ดลับเหล่านี้จากคนที่เข้าร้านอาหารเป็นประจำ และ เราพร้อมแล้วที่จะแบ่งปันเรื่องราว และ เคล็ดไม่ลับที่เป็นตัวบ่งชี้มาตราฐานของพวกเขาลองเอาไปใช่กันดูเลย

การโทรไปจองโต๊ะอาหาร บอกได้ถึงการใส่ใจในการให้บริการ

-หากคุณต้องการจองโต๊ะ เมื่อคุณโทรเข้าไปที่ร้าน ร้านอาหารที่เน้นการบริการจะรับสายทันที พวกเขาไม่ควรให้คุณต้องรอสายนานเกินไป นี่เป็นสัญญาณว่าร้านของพวกเขามีพนักงานเพียงพอและมีการแจกจ่ายหน้าที่กันอย่างชัดเจน

-เช็ครีวิวและความคิดเห็นต่างๆในโลกออนไลน์ แน่นอนว่าคุณจะได้ความคิดเห็นที่หลากหลาย: แม้แต่ร้านอาหารที่ดีที่สุดก็ทำผิดพลาดได้ แต่ถ้ามีตัวแทนจากทางร้านเข้ามาตอบกลับ หมายความว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของร้านอาหาร

พื้นที่ว่างและบริกร ช่วยคุณประเมินการบริการของพวกเขาได้

-คุณเคยสังเกตเครื่องแบบของบริกรในร้านไหม? ร้านที่ใส่ใจในความสะอาดมักจะให้พนักงานสวมผ้ากันเปื้อนยาวกว่าเข่า ด้วยความยาวนี้ จะช่วยป้องพนักงาน หากพวกเขาทำน้ำซุปร้อนๆหกใส่ตัวเอง หรือ เพื่อนร่วมงาน

-อีกปัจจัยที่สำคัญคือวิธีทำความสะอาดโต๊ะอาหาร ถ้าพวกเขาทำความสะอาดพื้นที่ภายใน 2 นาทีหลังจากลูกค้าออกไปถือเป็นสิ่งที่ดี หากไม่มีใครดูแลโต๊ะและจานและทุกอย่างยังคงอยู่ที่เดิมแสดงว่าพวกเขาทำงานช้า และหากยังมีเศษอาหารเหลืออยู่บนโต๊ะแล้วครัวหละจะเป็นอย่างไร

-เราทุกคนให้ความสำคัญกับห้องน้ำ มันต้องสะอาด นอกจากนี้การที่มีของใช้ในห้องน้ำ เช่น กระดาษชำระ และสบู่ เป็นสิ่งสำคัญมาก พื้นผิวของกระจกไม่ควรมีรอยนิ้วมือหรือคราบติดอยู่ ลองเงยหน้าขึ้นมองที่เพดาน สังเกตในจุดที่สามารถเอื้อมมือถึงและทำความสะอาดได้ หากมีฝุ่นหนาบริเวณนั้น นั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เค้าอาจจะไม่ได้ใส่ใจกับการทำความสะอาดเท่าที่ควร

การนำเสนอเมนู สามารถบอกให้คุณรู้ว่าทางร้านมีขั้นตอนการจัดการหน้าที่ของพนักงาน

(ผมขอแนะนำสเต็คที่แสนอร่อย, ซุปที่รสชาติดี และของหวานที่แสนมหัศจรรย์)

-หากคุณได้โต๊ะแล้ว เมนูจะต้องมาถึงคุณภายใน 5 นาที หากรอนานเกินไป อาหารก็อาจจะออกมาช้าไม่ต่างกัน

-วิธีการแนะนำอาหาร บอกคุณได้มากมายเกี่ยวกับระดับของสถานที่  การเขียนแนะนำอาหารหรือบรรยายรสชาติอาหารในเมนู ตัวอย่างเช่น “เนื้อนุ่มที่สุดกับมันฝรั่งแสนอร่อยและพาร์สลีย์สด” แสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในฝีมือการปรุงอาหารชนิดนั้น เพราะร้านอาหารที่ทำอาหารอร่อยๆ นั้นไม่ต้องการคำอธิบายที่ต้องดูดี สิ่งที่เมนูควรมีคือรายการของส่วนผสม น้ำหนัก และราคา

-หากมีรายการอาหารให้เลือกมากไปนั้นอาจไม่ใช่เรื่องดีนั้น เพราะการมีตัวเลือกมากเกินไป ก็หมายความว่าต้องมรการเตรียมวัตถุดิบมากมายแตกต่างกันไปอีกด้วย จริงอยู่ที่พ่อครัวส่วนใหญ่สามารถทำอาหารได้หลากหลายประเภท แต่ก็ไม่เชี่ยวชาญในการทำอาหารทุกอย่าง ดังนั้นหากร้านอาหาร ที่มีขายอาหารอิตาเลี่ยนมีสเต็ก ซูชิ และแฮมเบอร์เกอร์ คุณต้องสักเกตุว่าเค้ามีพ่อครัวแยกทำอาหารแต่ละประเภทหรือเปล่า เพราะ ไม่อย่างนั้นแล้วอาหารบางอย่างมันอาจจะออกมาแค่พอทานได้

-เรียกได้ว่าเมนูเป็นหน้าตาของร้านอาหาร ลองมองเข้าไปที่หน้าปกของเมนู จากการศึกษาพบว่า เมนูมักจะถูกให้ความสนใจในการทำความสะอาดเป็นลำดับท้าย ๆ หากคุณเห็นคราบหรือรอยนิ้วมือบนเมนู หรือมันดูสกปรกมากเกินไป ลองจินตนาการว่าในห้องครัวมันได้รับการดูแลมากน้อยแค่ไหน

บางอย่างเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าบริกรไม่ระมัดระวัง

-ร้านอาหารที่ดีไม่อนุญาตให้พนักงานพูดคุยกันในขณะทำงาน (สำหรับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน)

-การถือแก้ว: พวกเขาไม่ควรถือส่วนบนของแก้ว ลองสังเกตที่แก้ว ถ้าพวกเขาไม่ปฏิบัติตามกฎนี้ในครัว คุณจะเห็นรอยนิ้วมือบนแก้ว

-ดูมือของบริกร หากพวกเขามีเล็บที่สกปรกนี่เป็นสัญญาณที่คุณควรกังวล

-มีอีกอย่างที่ตรวจสอบได้ คือเมื่อบริกรเสิร์ฟอาหารพวกเขาควรบอกว่าพวกเขาเสิรฟ์อะไร เพื่อเป็นการทวนว่าอาหารที่คุณได้รับถูกต้อง

ฟังความลับในห้องครัว

(ทุกอย่างสดจริง ๆ และปรุงเป็นพิเศษมาเพื่อคุณ)
-หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสดของอาหาร ลองสั่งให้เอาส่วนผสมบางอย่างออกจากจานที่คุณสั่ง หากบริกรปฏิเสธที่จะทำเช่นนี้มันมีโอกาสมากที่อาหารจะมาจากช่องแช่แข็ง และอีกอย่างคือเมนูที่ทำยาก เสิร์ฟเร็วเกินไป  เร็วกว่าที่จะใช้เวลาในการปรุงอาหาร

-หากพื้นที่รับประทานอาหารไม่มีเสียงเพลงดังมากและห้องครัวอยู่ไม่ไกลมาก คุณจะสามารถได้ยินเสียงไมโครเวฟที่ใช้ละลายน้ำแข็งหรืออุ่นอาหารให้ร้อน

-ลองสังเกตุอุณหภูมิของอาหาร มันจะร้อนเกินไปหลังจากที่ถูกอุ่นด้วยไมโครเวฟ

โบนัส: ในร้านอาหารที่มีสาขามาก ๆ มักมีการสุ่มตรวจคุณภาพ


(เธอถามถึงส่วนผสมของสลัด 5 แบบ)

เพื่อตรวจสอบระดับของการบริการ ทางสาขาใหญ่มักมีพนักงานที่เรียกว่า mystery shoppers ซึ่งหน้าที่ของพวกเขาคือหาจุดอ่อนทั้งหมดในร้าน ดังนั้นลองขอให้บริกรบอกรายละเอียดให้คุณทราบว่าสลัดที่คล้ายกันหลายอย่างมีส่วนผสมอะไรบ้าง พนักงานอาจถูกหลอกให้คิดว่าพวกเขากำลังถูกทดสอบและจะทำทุกอย่างให้ดีเพื่อสร้างความประทับใจให้กับคุณ

อย่างไรก็ตามเราคงไม่สามารถเช็คร้านอาหารแบบนี้ได้ทุกร้าน อย่างร้านอาหารทั่วๆไปก็อาจไม่เป๊ะไปทั้งหมด แต่หากคุณเข้าไปรับประทานอาหารในร้านอาหารราคาแพงชั้นนำ คุณก็อาจใช้มาตราฐานนี้ได้ทั้งหมด

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside เรียบเรียงโดย BTW