7 ท่าทางการแสดงออกที่จะช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่น่าคบหา

หลังจากที่เราได้พบเจอผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามาหาเราในแต่ละวันแล้วก็ต้องพบว่า กับบางคนเราอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจมากมาก แต่กับบางคนแล้วอยู่ด้วยกลับรู้สึกอึดอัดอยากที่จะขยับตัวออกห่าง หรือกับบางคนแค่ได้มองอยู่ไกลๆก็เห็นถึงความน่ารักและมีเสน่ห์ของเค้าเหล่านั้นก็มี หลายคนก็บอกว่าเราทำบุญมาไม่เท่ากันมันก็เลยได้ผลออกมาแบบนี้ไม่เท่ากันยังไงละซึ่งเราฟังแล้วก็ไม่ค่อยจะเห็นความเชื่อมโยงกันสักเท่าไหร่ พวกเรา BTW ก็เลยอยากจะไปลองหาเรื่องราวหรือข้อมูลอะไรสักอย่างที่จะสามารถบอกพวกเราได้แบบมีหลักการมากขึ้นสักหน่อย เพราะพวกเรา BTW เชื่อกันว่าทุกอย่างมันต้องสามารถอธิบายได้ด้วยเหตุและผลที่เหมาะสมนั้นเอง ซึ่งพวกเราก็ได้พบกับเรื่องราวของการใช้ท่าทางหรือภาษากายนั้นเองที่พอจะเอามาอธิบายเรื่องราวเหล่านี้ได้ว่าทำไมนะพวกเราถึงรับรู้หรือรู้สึกกับคนที่เพิ่งพบกันแตกต่างกันไปนั้นเอง มาเริ่มจากเรื่องง่ายอย่างการมองสบตากันเลยดีกว่า เป็นเรื่องธรรมดามากมากที่เวลาเรามองหน้าหรือพูดจากันนั้นเราอาจจะต้องผสานหรือสบตากันกับคู่สนทนา แต่เพื่อนเพื่อนทราบกันไหมละว่าการสบตาที่ดีนั้นก็มีช่วงเวลาที่เหมาะสมเช่นเดียวกัน สำหรับคนที่เพิ่งพบกันไม่นานเวลาเพียงแค่ สามถึงห้าวินาทีในการมองสบตากันนั้นถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีเพราะห่างคุณจ้องมองนานกว่านั้นคนที่ถูกมองก็จะรู้สึกอึดอัดได้แล้ว และเสริมอีกส่วนหนึ่งนั้นก็คือเวลาที่คุณมองไปที่ใบหน้าเวลาสนทนานั้นหากไม่มองสบตาแล้วละก็เราขอแนะให้เพื่อนเพื่อนลองมองไปที่จมูกแทนเพราะหากมองสูงเช่นหน้าผากคุณจะเหมือนไม่สนใจเค้า และห่างมองต่ำลงไปกว่าจมูกจะทำให้รู้สึกว่าคุณสนใจอย่างอื่นๆมากกว่าบทสนทนาที่กำลังเกิดขึ้นนั้นเอง การเว้นช่วงเวลาหลังจากเพิ่งพบกันให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวจะทำให้รู้สึกสบายใจกว่า อีกเรื่องหนึ่งเลยนั้นก็คือช่วงจังหวะในการเริ่มการสนทนา หลังจากที่ได้พบหน้าทักทายกันแล้วให้เวลาอีกฝ่ายได้ผ่อนคล้ายจากหลายหลายอย่างก่อนเช่น เค้าอาจจะต้องการนั่งลงหรือแขวนเสื้อนอกให้เรียบร้อยแล้วจึงค่อยเริ่มบทสนทนาก็ยังไม่สายเพราะการเร่งรีบที่จะพูดนั้นกลับทำให้อีกฝ่ายเกิดความกังวลนั้นเอง ท่าทางการนั่งและการวางเท้าก็ทำให้คุณรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้นได้ หนึ่งในความรู้สึกที่แสดงออกเมื่ออยู่กับใครสักคนนั้นก็คือระยะห่างที่เรานั่งหรือยืนอยู่กับบุคคลนั้นนั้นเอง ดังนั้นหากคุณรู้สึกว่าเพื่อนใหม่ของคุณนั่งห่างออกไปหรือนั่งพิงเก้าอี้ไปที่ด้านหลังนั้นแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจนั้นเอง ดังนั้นการค่อยพูดเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างเรื่องที่อีกฝ่ายชอบจะเป็นการดีที่จะทำให้อีกฝ่ายเปิดใจและค่อยๆขยับเข้าหา แต่ในทางกลับกันการที่คุณขยับตัวหรือนั่งแล้วมีส่วนหนึ่งส่วนใดเช่นแขนหรืออาจจะเป็นขายื่นขยับเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไปจะช่วยทำให้รู้สึกสนิทกันมากขึ้น การพูดสื่อสารอาจจะเป็นการกระทำที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่กล้าแสดงออก ในบางโอกาสที่ได้พบเจอเพื่อนใหม่นั้นบ้างครั้งการถามคำถามเพื่อขอความคิดเห็นก็ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดได้เพราะเค้ายังไม่พร้อมหรือไม่สนิทใจพอที่จะให้คำแนะนำอะไร แต่การถามด้วยท่าทางอย่างการถามถึงสิ่งที่เราทำด้วยท่าทางการยกมือว่าสิ่งนี้มัน ok ไหม...

5 ท่าออกกำลังกายง่ายๆที่ทำตอนดูทีวีก็ยังได้

ทุกวันนี้เราแทบจะไม่ค่อยได้ออกไปไหนต่อไหนสักเท่าไหร่นักอาจจะเพราะอากาศที่ร้อนมากมากเมื่อออกไปข้างนอกก็ไม่อยากจะไปไหนนอกจากห้างหรือที่ที่มีแอร์เย็นๆเท่านั้นเอง แต่การที่จะไม่ได้ออกไปไหนแบบนี้ก็ทำให้เพื่อนเพื่อนของพวกเราหลายหลายคนเลือกที่จะนอนเปิดแอร์เย็นๆอยู่ที่บ้านซึ่งเราก็อยากจะบอกเพื่อนเพื่อนว่ามันก็คงดีแหละ แต่ยิ่งเราทำแบบนั้นไปบ่อยๆแล้วคุณเองก็อาจจะรู้สึกได้ว่าร่างกายของเรานั้นมันก็เริ่มที่จะเคลื่อนไหวได้ไม่ค่อยกระฉับกระเฉงสักเท่าไหร่นัก แต่ในเมื่อเราจะออกกำลังกายนอกบ้านก็ไม่กล้าอีกทั้งการไปวิ่งตอนนี้ก็ยังร้อนเหลือเกินพวกเรา BTW ก็เลยมาลองนำเสนอท่าออกกำลังกายง่ายๆที่เพื่อนเพื่อนก็สามารถทำได้เองที่บ้านและยังช่วยให้เราขยับร่างกายได้กระฉับกระเฉงขึ้นมากอีกด้วย นอกจากนี้ท่าบริหารเหล่านี้ถ้าเพื่อนเพื่อนทำเป็นประจำแล้วละก็มันยังจะช่วยให้เพื่อนเพื่อนจัดการกับเหล่าบรรดาส่วนย้อยต่าง ๆ ได้อีกด้วยนะน่าสนใจขนาดนี้แล้วก็ลองไปชมกันเลยดีกว่าเนอะ ท่าแรกนั้นแสนจะง่ายดายมากมากมันคือท่าการออกกำลังกายโดยการขยับฝ่ามือขึ้นลงนั้นเอง ท่าง่ายๆแค่นี้แต่กลับได้ผลที่น่าสนใจมากมากเลยนะเพราะมันจะช่วยให้เพื่อนเพื่อนขยับแขนได้คล่องแคลวมากขึ้นเลยนะ ทำก็ง่ายไม่ยุ่งยากเลยแค่เริ่มต้นจากการยืนตรงให้มั่นคงพอที่จะขยับตัวแล้วไปเอนไปด้านหน้าหรือหลังได้ง่ายๆ ยกแขนหางออกข้างลำตัวตามภาพ ศอกตั้งฉากและหงายฝ่ามือขึ้น จากนั้นก็เริ่มขยับยกมือขึ้นลงช้าๆไม่ต้องเร็วมาก อย่าลืมหายใจตามจังหวะที่ขยับมือข้นลง ทำท่านี้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆได้เลยหนึ่งนาที ต่อมาในท่าที่สองกันเลยกับท่าตั้งการ์ด อย่างที่บอกเราไม่ต้องการความเร็วแต่เราต้องการความกระฉับกระเฉงดังนั้นท่านี้ก็ทำค่อยๆแต่อย่าช้ามา เริ่มต้นก็ทำเหมือนท่าแรกนั้นแหละคือเราต้องยืนให้มั่นคงและยกมือกางออกตั้งไม่ต้องขนานกับพื้นมากเหมือนท่าแรก จากนั้นก็แค่ค่อยๆขยับแขนทั้งสองข้างของเราเข้าหากัน อย่าลืมที่จะหายใจตามจังหวะขยับแขนเข้าออกด้วยนะ จากนั้นก็ค่อยๆกางแขนของเอาออกไปเหมือนท่าเริ่มต้น ง่ายๆเท่านี้เองนะเพื่อนเพื่อนก็เริ่มจากหนึ่งนาทีก่อนแล้วค่อยๆเพิ่มจำนวนรอบขึ้นให้เหมาะสมละ มาถึงท่าที่สามกันแล้วกับท่าจ๊อกกิงแต่ไม่ต้องวิ่งจริงๆออกไปไหนหรอกละ เพราะเราจะทำเหมือนกับการที่เราวิ่งไปแต่อันที่จริงแล้วแค่ขยับขาขึ้นลงให้อยู่กับที่เท่านั้นเองเริ่มต้นด้วยท่ายืนกางขาออกเล็กน้อยจากนั้นพับศอกขึ้นขนานกับพื้นทำมุมสามเหลี่ยมและฝ่ามือคว่ำลงจากนั้นก็ค่อยๆขยับยกขาของคุณขึ้นที่ละข้างสลับไปซ้ายขวาช้าๆไม่ต้องรีบจะเหมือนกับการวิ่งแต่จะเป็นการขยับอยู่กับที่เท่านั้นสิ่งที่สำคัญก็คือไม่ต้องเร่งและยกขาให้สม่ำเสมอและสูงให้ได้ถึงฝ่ามือเริ่มต้นสักหนึ่งนาทีก่อนและค่อยๆเพิ่มขึ้นตามที่คุณสามารถทำต่อเนื่องได้โดยที่ไม่เหนื่อย ท่าที่สามกันเลยกับสควอชโดยเราสามารถหาเก้าอี้มาช่วยได้ ต้องบอกเลยว่าท่าสควอชนั้นมีประสิทธิภาพอย่างมากเพราะมันคือการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่อีกทั้งยังช่วยกระฉับส่วนต่าง ๆได้ดีอีกด้วย แค่เริ่มจากที่มองหาเก้าที่ขนาดพอดีกับการนั่งของคุณมาวางไว้ด้านหลังจากนั้นก็ยืนกะระยะห่างให้ดีดียืนตัวตรงหันหน้าออกไปข้างหน้า จากนั้นก็ค่อยย่อตัวลงเหมือนกับกำลังจะนั่งแต่ทำอย่างช้าและพยายามอย่านั่งถึงเก้าอี้แล้วก็ขยับยืดตัวขึ้นกลับไปยังท่าเริ่มต้นทำซ้ำไปอย่างช้านำจำนวนที่คุณทำไหวแล้วค่อยๆเพิ่มจำนวนขึ้นที่ละน้อยๆ มาถึงท่าที่สี่กันแล้วท่านี้เราเรียกว่า Stepback ซึ่งมันก็เหมือนกันการขยับถ่อยไปข้างหลังนั้นเอง นอกจากจะเป็นท่าเคลื่อนไหวที่ทำให้เพื่อนเพื่อนออกกำลังกายแล้วท่านี้ยังช่วยทำให้เพื่อนเพื่อนมีสมาธิมากขึ้นอีกด้วยนะแถมใครที่รู้สึกว่าเวลานั่งนานๆแล้วปวดเมื่อยละก็ลองทำท่านี้ก็จะช่วยทำให้คุณค่อยๆรู้สึกดีขึ้น ...

11 อุปกรณ์ครัวแบบง่ายๆที่คนทำครัวอยากมีไว้ในครอบครอง

กินอยู่หลับนอนเป็นสองเรื่องที่ถ้าหากว่าใครสามารถมีความสุขในการกินอิ่มและของที่ตัวเองชอบ อีกทั้งยังนอนหลับสบายๆ แต่การจะตามหาเหล่าอาหารที่ทานได้ถูกปากและจุใจนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายๆเลย ดังนั้นเพื่อนเพื่อนของเราหลายหลายคนจึงลุกขึ้นมาเพื่อสร้างสรรค์อาหารที่ถูกใจเหล่านั้นให้ออกมาทานได้ทุกวันด้วยการลงมือทำอาหารเหล่านั้นเอง ใช่แล้ววันนี้พวกเรา btw กำลังจะมากล่าวถึงเพื่อนของเราที่ชอบและรักในการทำอาหาร ที่ต้องเอาเรื่องราวเหล่านี้มาเล่าให้เพื่อนเพื่อนฟังก็เพราะว่าเราอยากจะบอกว่าอันที่จริงแล้วการได้ลองทำอาหารทานเองมันก็มีทั้งความสนุกและความอร่อยที่หลายหลายคนคาดไม่ถึง แต่หลายหลายคนก็อาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนเพราะกว่าจะออกมาเป็นอาหารให้เราได้ทานหนึ่งอย่างนั้นมันต้องผ่านทั้งขั้นตอนการคัดสรรค์ส่วนประกอบหรือเหล่าวัตถุดิบต่าง ๆ อีกทั้งยังต้องมาเตรียมสิ่งเหล่านั้นไม่ว่าจะหันสับซอยเพื่อให้พร้อมสำหรับการปรุงอาหารอีก ซึ่งหลายหลายคนก็ยังคิดว่าเป็นสิ่งที่ยุ่งยากแต่พวกเรา BTW กลับพบว่าความจริงแล้วตอนนี้มันมีอปกรณ์งานครัวมากมายที่ถูกคิดและประดิษฐ์ออกมาเพื่อให้พวกเราทำครัวกันได้อย่างสะดวกสบายมากมากขึ้นแล้ว วันนี้เราก็เลยอยากจะมาลองเอาเจ้าเครื่องครัวใหม่ๆเหล่านั้นมาบอกให้เพื่อนเพื่อนทราบและรู้จักกันเพื่อว่าจะมีใครอีกหลายหลายคนเปลี่ยนใจหันมาลองทำขนมหรืออาหารเพิ่มก็เป็นได้ การทำอาหารแต่ละอย่างก็มีเคล็ดลับของการทำไม่เหมือนกันบางอย่างต้องเร็วบางอย่างต้องช้า อย่างซุปบางอย่างเราต้องทำมันอย่างช้า ๆ ค่อยคนอาหารหรือกวนไปเบาๆ แต่ก่อนกว่าจะทำได้ต้องเมื่อยมือเมื่อยขาอยู่นาน แต่ตอนนี้เรามีเครื่องคนอาหารที่เพียงแค่เปิดการทำงานและตั้งไว้มันก็จะกวนและคนอาหารไปเรื่อยๆแล้ว © amazon คราวนี้และจะซุปหรืออะไรก็มาเลยเพราะเราแค่กดเปิดใส่ทุกอย่างลงไปที่เหลือก็แค่ไปรอเท่านั้นเอง มาถึงเจ้าอุปกรณ์อย่างที่สองกันเลยต้องเรียกว่ามันคือตัวช่วยที่ดีมากมากอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้นั้นก็คือเครื่องซูวี เจ้าเครื่องนี้มันคือเครื่องทำความอุณหภูมิที่ทำให้เราสามารถควบคุมการสุกของอาหารได้อย่างแม่นยำ เพราะปัญหาเวลาที่เราทอดหรือย่างอาหารจะพบว่าตรงกลางของอาหารบางครั้งก็ไม่สุกนั้นเอง แต่เจ้าเครื่องซูวีนี้ถูกคิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์สิ่งนี้นั้นก็คือการทำให้อาหารสุกตามแบบที่เราต้องการโดยการให้ความร้อนผ่านน้ำส่งไปที่ตัวอาหาร ที่เพื่อนเพื่อนต้องทำก็แค่อ่านคู่มือว่าอาหารแต่ละแบบต้องการอุณหภูมิและเวลาขนาดไหน...

5 เทคนิคสำหรับใช้ในที่ทำงาน

พวกเราหลายคนเคยคิดย้อนกลับไปตอนที่ยังเด็กเรียนหนังสืออยู่บ้างหรือเปล่า พวกเรา BTW ต้องบอกเลยว่าทุกวันนี้นั้นพวกเราก็ยังคงอยากที่จะย้อนกลับไปในวันนั้นอีกครั้งแทบจะทั้งหมดในที่ทำงานเลยที่คิดแบบนี้ นั้นก็เพราะว่าช่วงเวลานั้นพวกเรานั้นแทบจะไม่ต้องรับผิดชอบออะไรเลยในแต่ละวันเราแค่ตื่นแต่เช้าออกไปโรงเรียนถึงชั่วโมงเรียนมันจะช่างน่าเบื่อหน่ายก็ตาม แต่แค่พวกเราพยายามทำความเข้าใจในห้องเรียนและกลับมาทำการบ้านตามที่ได้รับมาจากอาจารย์นั้นแหละคืองานที่เราจะต้องทำในช่วงนั้น แต่ที่เราอยากจะย้อนกลับไปไม่ได้เพราะเราอยากเรียนหนังสือหรอกนะแต่เราอยากจะใช้ช่วงเวลาที่เหลือจากการที่เราเรียนหรือทำการบ้านนั้นแหละ เพราะตอนนั้นไม่ว่าเราจะออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนเพื่อนหรือทำอะไรสนุกสนุกที่เราคิดได้ในวันหยุดหรือแม้แต่ในวันธรรมดาก็แค่รอเวลาที่ระฆังโรงเรียนจะบอกว่าหมดคาบสุดท้ายแล้ว เท่านั้นเองเราก็จะสามารถไปทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสบายแล้วละ แต่มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะความจริงก็คือเราผ่านเวลานั้นมาแล้ว และตอนนี้เราก็ต้องมาทำงานเพื่อรับผิดชอบสิ่งต่าง ๆ เหมือนผู้ใหญ่ธรรมดาทั่วไปกันแล้ว ถึงมันจะไม่ค่อยเป็นสิ่งที่เราชอบแต่เราก็ต้องทำมันอยู่ดีนั้นแหละ และเรื่องราวในที่ทำงานของเรานี้แหละที่กลายเป็นชีวิตส่วนใหญ่ของพวกเราไปซะแล้ว วันนี้พวกเราก็เลยอยากจะหยิบยกเอาเรื่องราวและเทคนิคต่าง ๆ ที่เราได้เรียนรู้และได้นำมันมาใช้ในที่ทำงานทั้งเพื่อขอให้คนอื่นๆ ช่วยเหลือเราหรืออาจจะเป็นเทคนิคในการทำให้คนอื่นใช้เราให้น้อยลง เป็นยังไงบ้างละน่าสนใจขึ้นมาไหมละ ถ้าเพื่อนๆสนใจก็ไปลองฟังกันเลยดีกว่านะ พวกเราจะทำอย่างไรถ้าคุณถูกคนอื่นเอาเปรียบ ผู้ซึ่งทำให้คุณต้องสงสัยกับการตัดสินใจของคุณเอง และพยายามทำให้คุณเข้าข้างเขา การให้สิ่งของเล็กน้อยก่อนที่จะขอให้ช่วยจะทำให้คนที่เราขอนั้นยอมช่วยเราทั้งที่เค้าอาจจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่นัก เพื่อนเพื่อนที่ต้องทำงานประสานงานกับหน่วนงานต่าง...

ทำไมหลายคนนอนหลับได้ในคืนที่อากาศร้อนแม้ต้องนอนใต้ผ้าห่ม

ความชอบถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เรากะเกณฑ์คาดคะเนหรือไม่สามารถเปลี่ยนกันได้ง่ายง่ายบางคนชอบทานอาหารพร้อมกับเปิดทีวีหรือเพลงฟังไปด้วย แต่กฌยังมีอีกหลายคนที่อาจจะชอบนั่งทานอาหารเงียบเงียบ หรือเพื่อนผู้ชายบางคนของเราที่คบกันมาเกือบ 20 ปีแล้วแต่ก็ยังคงชอบสะสมของเล่นโมเดลตัวการ์ตูนต่างๆที่หลายคนอาจจะมองว่ามันดูเด็กเกินไปแต่อันที่จริงแล้วพวกเราชาว BTW อยากจะบอกเพื่อนเพื่อนเอาไว้ว่าสิ่งต่างๆหรือความชอบต่างๆเหล่านี้นั่นเองที่ทำให้แต่ละคนมีกำลังใจในการทำงานหรือมีความสุขเมื่อได้มองเห็นสิ่งเหล่านั้นและนั่นก็เพียงพอแล้ว โดยที่เราอยากให้เพื่อนเพื่อนอย่าไปมองหรือประเมินคุณค่าในมุมมองของตัวเราเพราะว่าในอีกมุมหนึ่งที่ถูกมองมาจากสายตาของคนที่ชื่นชมชื่นชอบสิ่งเหล่านั้นแล้วมันล้วนเป็นสิ่งมีค่าสำหรับคนเหล่านั้นนั้นเอง และวันนี้พวกเราก็ได้นำเรื่องของความชอบอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือการชอบนอนห่มผ้าห่มมาให้เพื่อนเพื่อนฟังเป็นความรู้กันสักหน้า เพราะมันมีเรื่องราวนาสนใจมากกว่าที่หลายหลายคนจะคิดถึง ที่เราอยากจะนำเสนอเรื่องนี้ก็เพราะว่าพวกเรานี่แหละที่เป็นแฟนตัวยงของผ้าห่มที่ต้องมีติดไว้ถึงจะนอนได้เลยยังไงละ สิ่งแรกเลยนั่นก็คือเจ้าผ้าห่มคือตัวช่วยในการปรับอุณหภูมิที่ง่ายที่สุดที่เราสามารถมีไว้ในบ้านได้ เรื่องที่เป็นเพื่อนหลายคนอาจจะยังไม่ทราบนั่นก็คืออันที่จริงแล้วภายในร่างกายของเรามีระบบที่จะช่วยควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ใน. ที่เหมาะสมในตอนที่เราตื่นแต่ว่าได้ตอนที่เราหลับแล้วมันก็จะหยุดพักไปด้วย และในระหว่างที่เรานอนหลับพักผ่อนอยู่ก็จะเป็นการหยุดทำงานของหลายหลายสิ่งจึงทำให้อุณหภูมิของเราจะลดต่ำลงนั่นเองดังนั้นถ้าผมซักผืนก็จะช่วยทำให้ร่างกายของเรา ได้รับความอบอุ่นที่เพียงพอเพียงแต่ว่าคุณอาจจะต้องเลือกความหนาและชนิดของผ้าห่มให้เหมาะสมกับฤดูกาลเท่านั้นเอง อย่างในคืนที่อากาศร้อนก็อาจจะเลือกใช้ผ้าห่มที่มีขนาดบางสักเล็กน้อยก็พอและในวันที่อากาศหนาวก็เลือกที่มันหนานุ่มสักหน่อย ความเคยชินหนุ่มเค้าทำให้เราสามารถนอนหลับได้อย่างสบาย @ Pexels อย่างที่เราเคยบอกเพื่อนเพื่อนในหลายหลายบทความที่ผ่านมานั่นก็คือสัญชาตญาณและความเคยชินทำให้เรารู้สึกปลอดภัยหรือสิ่งของที่คุ้นเคยนั่นก็มีส่วนในการทำให้รู้สึกปลอดภัยเช่นเดียวกัน ดังนั้นเพื่อนเพื่อนหลายคนของเราจึงมักจะนอนหลับสนิททันทีเมื่อได้อยู่ในห้องนอนที่คุ้นเคยหรือมีสิ่งของที่คุ้นเคยอย่างการห่มผ้าห่มเป็นต้น มาพูดถึงเหตุผลจากการศึกษากันสักหน่อยเพราะเราพบว่าผ้าห่มมีส่วนช่วยทำให้เราได้รับความรู้สึกปลอดภัย เป็นเพราะว่าเวลาที่เราห่มผ้าแล้วลึกลึกข้างในจะรู้สึกเหมือนได้รับการปกป้องจากสิ่งภายนอก เพราะว่าใครๆก็ต้องใช้ผ้าห่มด้วยคลุมตัวเราทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้านั้นแหละ ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนมีเกราะคุ้มกันบางอย่างจากสิ่งภายนอกนั่นเอง และเมื่อเรารู้สึกสบายใจเมื่อได้รับการปกป้องก็จะทำให้เราผ่อนคลายและหลับง่ายนั่นเอง ไม่ถูกรบกวนจากสิ่งภายนอก © depositphotos.com จะบอกว่าเป็นเอกลักษณ์ของการนอนที่ใครต่อใครก็น่าจะสังเกตได้ทันทีเมื่อเห็นภาพใครสักคนก็ตามที่กำลังห่มผ้าห่มอยู่ เราก็จะคิดว่าเค้าน่าจำกำลังนอนหลับอยู่ และเพราะคนอื่นๆสังเกตและรับรู้ได้ทันทีว่ามีคนนอนอยู่นี่แหละที่ทำให้คนเหล่านั้นจะระมัดระวังไม่ทำเสียงดังหรือไม่เข้าไปรบกวนคนที่กำลังอยู่ภายใต้ผ้าห่มนั้นแหละ เพราะความเชื่อในตอนเด็กทำให้เรารู้สึกปลอดภัยเมื่อได้ซ่อนตัวภายใต้ผ้าห่ม เพื่อนเพื่อนของเราหลายคนน่าจะเคยมีประสบการณ์เดียวกันนี้ นั่นก็คือในตอนที่เรายังเด็กอยู่นั้นคุณพ่อคุณแม่มักจะเข้ามาบอกกับเราเสมอว่าภายใต้ผ้าห่มไม่มีอะไรสามารถเข้ามาทำอันตรายเราได้ซึ่งตอนที่เราเป็นเด็กน้อยมันก็ไม่แปลกที่เราจะเชื่อเรื่องเหล่านั้น และเจ้าความเชื่อเล็กๆตั้งแต่เด็กนั้นแหละ ที่ยังคงตรึงใจของเราอยู่ทำให้ถึงแม้ว่าเราจะโตขึ้นมามากแล้วแต่เวลาที่เราได้ห่มผ้า...

17 การค้นพบของชาวเน็ต ที่น่าสนใจและเราไม่เคยรู้

บางทีสิ่งที่เราคิดว่ารู้จักดีอยู่แล้ว แต่จริงๆแล้วเรากลับไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับมันเลย แต่บางคนก็มีความสามารถในการค้นหารายละเอียดที่น่าสนใจและนำมาเผยแพร่ให้เราได้เห็น ทำให้เราค้นพบอะไรใหม่ๆที่ทำให้เราได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ นอกจากนี้ยังมีผู้คนจากสื่อสังคมออนไลน์เช่น ผู้ใช้ Reddit หรือผู้ใช้ทวิตเตอร์ ได้แบ่งปันการค้นพบเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสิ่งที่พวกเขามีไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆเช่นการคิดค้นวิธีปกป้องแป้นพิมพ์จากแมว ในขณะที่คุณ Work from home  หรือวิธีเก็บของอย่างสร้างสรรค์ในตู้เย็น พวกเรา BTW ชอบที่จะค้นพบข้อเท็จจริงใหม่ๆเกี่ยวกับโลกใบนี้ เราจึงได้ทำการค้นหาเรื่องที่น่าสนใจในโลกโซเชียลให้เพื่อนๆของเราได้เปิดมุมมองใหม่ๆ และค้นพบวิธีที่น่าสนใจเหล่านี้ ช่วงนี้พวกเราต้องทำงานแบบ Work from home...

หลายสิ่งที่ได้หลังจากการทำงานที่บ้านมาสามปี

ในช่วงหลายปีให้หลังมานี้พวกเราทุกคนนั้นมีการปรับเปลี่ยนไปอย่างมากมายทั้งการเป็นอยุ่หรือแม้กระทั้งการทำงาน เพราะเราหลายหลายคนนั้นได้เปลี่ยนการทำงานจากที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านแต่ก็เริ่มกลายมาเป็นการทำงานที่บ้านบ้างในบางวันหรือหากว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปที่ทำงานเลยจริงๆ บ้างคนก็ถึงขนาดที่ว่าได้ออกไปทำงานที่บ้านในต่างจังหวัดเลยก็มีเช่นเดียวกัน ต้องว่าเรื่องนี้มันช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมสิ่งดีดีเพราะเรานั้นไม่ต้องไปเสียเวลาในการเดินทางไปกลับและยังไม่ต้องแต่งตัวออกไปฝ่าสายฝนหรือแสงแดดเลย แต่จากการทำงานที่บ้านนั้นมันก็ไม่ได้มีแต่เรื่องดีดีหรอกนะ เพราะพวกเราเองก้พบว่ามันยังมีอีกหลายหลายสิ่งที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เช่นเดียวกันซึ่งบางคนก็อาจจะคาดไม่ถึงสิ่งเหล่านี้ แต่พวกเรา BTW นั้นมองเห็นและได้เก็บรวบรวมเอาสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นจากการสอบถามเพื่อนเพื่อนหรือเก็บเอาเรื่องราวเล็กๆน้อยๆต่างต่างเหล่านั้นมาให้เพื่อนเพื่อนได้ลองฟังกันดูเพื่อว่ามันจะมีประโยชน์และได้ลองนำมันไปปรับปรุงและแก้ไขสิ่งเหล่านั้นให้ดีขึ้นยังไงละ สิ่งแรกเลยนั้นก็คือการเลือกชุดที่เราใชัสวมใส่ในการทำงานอยู่ที่บ้าน ที่ผ่านมานั้นหลายคนอาจจะคิดว่าหากเราไม่ต้องออกไปเดินทางหรือเผชิญหน้ากับเพื่อนๆโดยตรงนั้นพวกเราก็ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องการแต่งตัวสักเท่าไหร่ ซึ่งนั้นก็คือสิ่งที่เพื่อนเพื่อนของเราหลายหลายคนทำกันแต่เพื่อนเพื่อนทราบไหมละว่า ชุดที่เราสวมหรือตั้งใจเลือกมาใส่นั้นมันมีผลทางอ้อมต่อตัวเราและความรู้สึกของเราด้วยนะ อย่างเช่นวันที่คุณสวมชุดนอนนั่งทำงานนั้นมันก็จะทำให้คุณอาจจะรู้สึกง่วงหรือไม่ค่อยอยากทำอะไรสักเท่าไหร่นัก ที่เป็นแบบนี้นั้นเป็นเรื่องของความคุ้นเคยซึ่งเป็นความรู้สึกที่ถูกปลุกฝังเอาไว้ในใจเรานั้นเอง ดังนั้นการที่เราเลือกชุดทำงานแยกออกมาจากชุดอยู่บ้านก็จะทำให้คุณได้บรรยากาศของการทำงานตามปกติและทำให้คุณรู้สึกอยากทำงานมากกว่าการเลือกชุดนอนหรือชุดอื่นๆ มาใส่ในตอนทำงานที่บ้านนั้นเอง ยิ่งทำงานแบบไม่มีเวลาเข้าออกเรายิ่งต้องทำตารางเวลาของตัวเราเอง ก่อนหน้านี้ในตอนที่เราต้องเดินทางไปทำงานนั้นสิ่งหนึ่งที่เราต้องเจอเป็นสิ่งแรกนั้นก็คือการลงเวลาเข้าและเวลาเลิกงาน อีกทั้งยังมีเรื่องของเวลาพักทานอาหารอีกด้วย ถึงแม้ว่าการทำงานที่บ้านเราไม่ต้องเดินทางและจะเริ่มทำงานเมื่อไหร่ก็ได้แต่การที่ทำแบบนั้นมันก็จะทำให้ชีวิตการทำงานและตารางเวลาการทำงานของคุณนั้นยิ่งควบคุมอะไรไม่ได้เลย อย่างบางคนก็นั่งทำงานเลยเวลาพักเที่ยงทำให้การทานอาหารไม่ตรงเวลาและยิ่งเวลาเลิกงานแล้วยังต้องทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จในทุกๆวันมันยิ่งทำให้เราเหนื่อยเพราะกลายเป็นเหมือนว่าเรานั้นจะทำงานอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นนั้นก็คือการตั้งเวลาเข้าทำงานและเวลาหยุดทำงานให้เป็นตารางเวลาที่ชัดเจนเพื่อให้ตัวเรานั้นยังมีเวลาของตัวเองอยู่นั้นเอง ทำความเข้าใจกับคนอื่นๆเรื่องการทำงานที่บ้านไม่ได้หมายความว่าจะไปไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ช่วงแรกที่เราเพิ่งทำงานที่บ้านนั้นคนอื่นๆที่อยู่ที่บ้านกับเราอย่างคุณพ่อหรือคุณแม่หรือญาติๆนั้นอาจจะมองเป็นเรื่องแปลกและอาจจะเข้าใจว่าการที่อยู่ที่บ้านนั้นเราจะทำอย่างอื่นก็เมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องอธิบายให้ฟังเพื่อให้เข้าใจกันว่าอันที่จริงแล้วในช่วงเวลางานนั้นก็คือเรายังต้องทำงานไม่ใช่ว่าจะให้ไปทำอย่างอื่นๆหรือให้เราไปช่วยทำงานบ้านอื่นๆได้ เพราะว่าหากเราไม่อธิบายให้ชัดเจนแล้วคนอื่นๆก็จะเข้ามาและพยายามชวนเราไปทำอย่างอื่นอยู่ตลอดเวลาซึ่งหากคุณไปทำสิ่งเหล่านั้นก็อาจจะกระทบกับงานของคุณได้นั้นเอง ช่วงเวลาทำงานคือช่วงเวลาที่เราต้องแอคทีฟในการรับโทรศัพท์และอ่านข้อความ แต่นอกเวลานั้นคุณก็ยังสามารถทำตัวตามปกติได้นะ เนื่องจากการทำงานที่บ้านนั้นถูกเปลี่ยนให้เป็นการใช้งานจริงแบบที่พวกเรายังไม่พร้อมมากนัก ดังนั้นเครื่องมือหลายหลายอย่างจึงถูกปรับมาใช้งานทั้งโทรศัพท์และระบบที่เราใช้ในการส่งข้อความเพื่อพูดคุยและติดตามงานกัน...

5 เรื่องที่เราทำประจำและมันมีผลต่อผมของเรา

พวกเราหลายคนที่ยังต้องตื่นและเดินทางออกมาทำงานในวันนี้ซึ่งต้องบอกเลยว่ามันไม่ได้ง่ายเลยที่จะปลุกตัวเองให้ตื่นแล้วลุกขึ้นมาทำงานเพราะใจของเรานั้นยังอย่างที่จะนอนสบายๆอยู่ที่บ้านนั้นเอง แต่ในที่สุดเราก็มิอาจต้านทานความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเราได้ และเราก็มาทำงานในวันนี้แล้วนั้นเองซึ่งที่บอกมามันก็ไม่มีอะไรมากหรอกเพียงแค่พวกเราชาว BTW รู้สึกไม่ค่อยอยากจะออกไปไหนหรือถ้าต้องออกไปก็อยากจะไปให้น้อยที่สุดเพราะตอนนี้ออกไปข้างนอกมาทีหนึ่งกลับมาก็ต้องมาสระผมทุกครั้งเพราะอยากให้เราสะอาดที่สุดจนตอนนี้ก็รู้สึกว่าผมของเรามันเริ่มจะไม่ค่อยไหวแล้วนั้นแหละ ซึ่งพอเรากังวลกับเรื่องเหล่านี้แล้วก็เลยต้องไปหาข้อมูลและเรื่องราวของการดูแลตัวเองและเจ้าเส้นผมนี้แหละเพื่อที่ว่าพวกเราจะได้มีมันอยู่สวยสวยไปได้อีกนานนานนั้นเอง แล้วพวกเรา BTW ก็ได้พบว่าอันที่จริงแล้วมีบางอย่างที่เราทำกันเป็นประจำอีกที่ทำให้ผมของเรานั้นไม่ได้สวยงามและแข็งแรงอย่างที่ควรจะเป็นและวันนี้พวกเราก็เอาเรื่องราวเหล่านี้มาบอกเพื่อนเพื่อนด้วยนะไปฟังกันเลยดีกว่านะ อย่างแรกเลยก็คือชุดเสื้อผ้าของเรานี้แหละที่ทำให้เส้นผมของเราเปลี่ยนไปได้ © Depositphotos.com ใครจะไปคิดถึงว่าแค่เสื้อผ้าของเรานั้นก็มีส่วนทำให้ผมของเราเสียได้ ซึ่งบอกไปเพื่อนเพื่อนหลายคนก็อาจจะคิดว่าจะใช่เหรอถ้าเป็นหมวกก็ว่าไปอย่างแต่เสื้อผ้าเสื้อคลุมเนี้ยอะนะจะทำให้เป็นสาเหตุได้ เพราะสิ่งที่เรียกว่าไฟฟ้าสถิตนั้นแหละซึ่งอันที่จริงแล้วมันเกิดขึ้นได้เพราะเส้นใยของเสื้อผ้าที่เราใช้งานนี้แหละบางคนน่าจะทราบมาแล้วว่าไฟฟ้าสถิตนั้นเกิดจากการสัมผัสการถูหรือขัดสีของสิ่งของก็ทำให้เกิดขึ้นได้ และเนื้อผ้าอย่างโพลีเอสเตอร์หรือผ้าที่มีลักษณะเป็นเส้นใยเล็กๆยังไงละเพราะยิ่งอากาศแห้งและมีการขยับตัวเราก็สร้างไฟฟ้าสถิตได้แล้ว และหลังจากนั้นเจ้าไฟฟ้าสถิตนี้แหละที่จะถ่ายทอดไปที่เส้นผมของเรานั้นเองและทำให้จับกับซึ่งรวมถึงการพันกันในที่สุดและนั้นแหละที่จะทำให้เกิดความเปราะแตกของเส้นผมได้ยังไงละ การทานอาหารบางชนิดก็มีส่วนนะ © Depositphotos.com ถึงแม้ว่าเราจะทราบกันดีว่าอาหารแต่ละอย่างนั้นมีคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันและการทานอะไรมากมากก็จะทำให้เราได้แต่สารอาหารเดิมๆซึ่งเจ้าสิ่งนี้แหละที่จะทำให้ร่างกายของเราขาดสิ่งที่จำเป็นในการดูแลและซ่อมแซมตัวเองจากภายในดังนั้นการเลือกทานอาหารให้หลากหลายและทานอาหารที่แตกต่างกันไปในแต่ละวันจึงเป็นตัวเลือกที่เราควรทำ เพราะถึงแม้ว่าอาหารที่เราทานนั้นมันจะดีขนาดไหนก็แล้วแต่ แต่การทานอาหารอย่างเดียวมันย่อมไม่มีทางที่เราจะได้สิ่งที่ร่างกายต้องการทั้งหมดหรอกนะ แค่เรื่องง่ายๆในการทำให้ผมแห้งที่หลายคนมองข้ามมันก็ทำให้ผมของเราต่างกันแล้วนะ อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าหลังจากที่เราสระผมนั้น สิ่งที่ต้องทำนั้นก็คือการทำให้ผมแห้งนั้นเองซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีในการจัดการไม่เหมือนกัน บางคนใช้แค่ผ้าเช็ดบางคนใช้พัดลมและหลายคนก็เลือกไดร์เป่าผมซึ่งจะอย่างไหนก็ทำให้ผมแห้งได้ทั้งนั้นแต่สิ่งที่เราอยากจะบอกให้เพื่อนเพื่อนมั่นใจก็คือเราต้องทำให้ผมแห้งสนิทนั้นเองเพราะผมที่เปียกนั้นอ่อนแอมากมากและอาจจะทำให้ผมของคุณมีรังแคที่เกิดจากความชื้นสะสมได้นั้นเอง และวิธีการที่เราอยากจะแนะนำก็คือใช้ผมซับน้ำให้มาดมาดก่อนที่จะค่อยๆสางผมด้วยผมเบาๆแล้วเปิดให้ลมจากพัดลมพัดผ่านไป หรือหากเพื่อนเพื่อนเลือกใช้ไดร์ที่ให้ลมร้อนก็ต้องให้ห่างจากเส้นผมสักหนึ่งหรือหนึ่งฟุตครึ่งเพราะความร้อนนั้นจะทำให้ผมกรอบได้ การรัดผมที่หลายคนชอบทำนั้นก็ควรเลือกวัสดุที่จะให้รัดผมด้วยนะ © Unsplash.com, © Unsplash.com เพราะการรวบผมนั้นช่วยทำให้เหล่าคนผมยาวนั้นจัดทรงหรือจัดการกับทรงผมได้ง่ายและสะดวกที่สุดแต่เราอยากให้เพื่อนเพื่อนคิดถึงสถาพของสิ่งของอย่างถุงพลาสติกที่ถูกรัดแน่นๆด้วยยางหรือเชือกเส้นเล็กๆ ซึ่งเมื่อแกะออกแล้วก็ยังเหลือร่องรอยของการรัดอยู่และสิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นกับผมของคุณเช่นเดียวกัน...

การอาบน้ำที่อุณหภูมิเย็นสักหน่อยนั้นดีต่อใจและดีต่อตัวเรา

เพื่อนเพื่อนทราบกันบ้างไหมละว่าในประเทศเมื่อร้อนแบบบ้านเรานั้นมีสิ่งหนึ่งซึ่งพวกเราหลายหลายคนเลือกทำซึ่งมันขัดกับสภาพอากาศที่ร้อนของบ้านเรามากมากเลย ซึ่งนั้นก็คือการอาบน้ำอุ่นนั้นเองมันฟังดูแล้วช่างสร้างความงงให้กับเพื่อนหลายคนของเราที่เดินทางมาจากต่างประเทศนั้นก็เพราะว่าที่บ้านของเพื่อนของพวกเรานั้นจะเลือกใช้น้ำอุ่นก็เพราะว่าอากาศตอนเย็นนั้นมันหนาวมากมากเลยยังไงละ แต่ทำไมกันนะพวกเราหลายหลายคนที่เพิ่งจะออกเดินทางจากที่ทำงานกลับมาบ้านแล้วแทนที่จะอาบน้ำธรรมดาหรือน้ำเย็นเพื่อให้คลายร้อนแต่กลับอาบน้ำอุ่นอีกซึ่งพอเรามาลองสอบถามเพื่อนเหล่านั้นก็ทำให้เราได้ทราบถึงเหตุผลที่พวกเค้าเหล่านั้นอาบน้ำอุ่นตลอดเวลาก็เพราะว่ามันทำให้เค้ารู้สึกสดชื่นและเหมือนได้ผ่อนคลายจากการเมื่อยล้านั้นเอง และอีกอย่างก็คือเพื่อนเพื่อนของเรายังบอกอีกว่าการอาบน้ำธรรมดาหรือน้ำเย็นนั้นก็แทบจะไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะได้เลย ซึ่งพอเราได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกสนใจขึ้นมาว่าอันที่จริงแล้วน้ำเย็นนั้นมันอาบน้ำดีหรืออาบแล้วมีประโยชน์อะไรกันบ้างหรือเปล่านะ แล้วเราก็ได้พบกับเรื่องราวและข้อมูลที่น่าสนใจมากมากหลายอย่างเลย ซึ่งพวกเราก็อยากจะเอามาให้เพื่อนเพื่อนได้ลองอ่านกันดูเพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนเพื่อนด้วย สิ่งแรกเลยเมื่อเพื่อนเพื่อนได้อาบน้ำที่มีอุณหภูมิเย็นสักหน่อยในทุกวันนั้นก็คือใบหน้าของคุณจะดูเปล่งปลั่งมากขึ้น นั้นก็เพราะอุณหภูมิที่เย็นนั้นจะช่วยเรื่องของการบวมแดง และยังช่วยให้น้ำมันบนใบหน้าไม่หายไปมากจนเกินไปอีกด้วย อีกสิ่งหนึ่งนั้นก็คือการไหลเวียนของระบบต่าง ๆ จะทำได้ดีขึ้นอีกนะซึ่งเมื่อมีการไหลเวียนทีดีแบบนี้มันก็ต้องส่งผลไปถึงความเปล่งปลั่งยิ่งขึ้นไปอีกนะสิ เมื่อระบบการไหลเวียนที่ดีก็ย่อมส่งผลต่อการทำงานหลายหลายอย่างและเมื่อเป็นแบบนั้นริ้วรอยต่างๆมันก็ต้องดูดีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะน้ำมันที่มีอยู่อย่างเพียงพอเมื่อใช้น้ำเย็นนั้นเองมันก็ยังส่งผลต่อการส่วนของรองรอยต่าง ๆ ที่จะทำให้ดูตื้นขึ้นได้อีกนะ เพื่อนๆก็ลองคิดดูสิอย่างกระดาษแห้ง ๆ ที่เราลองพับให้เป็นรอยยับแล้วมันจะกลับมาเรียบมันก็ยากแหละนะแต่ถ้าลองใส่น้ำมันลงไปสักหน่อยเจ้ารอยเหล่านั้นมันก็จะหายไปได้เลยนะ ทำให้ระบบสื่อสารภายในร่างกายของเรานั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสุดๆไปเลย อีกเรื่องที่ต้องบอกให้เพื่อนเพื่อนฟังเลยเพราะมันเป็นเรื่องที่พวกเรา BTW เองก็เพิ่งทราบเหมือนกัน นั้นก็คือเมื่อเราใช้น้ำเย็นเป็นประจำแล้วส่วนต่าง ๆ มันจะมีความชุ่มชื่นมากพอและเจ้าความชุ่มชื่อนนี้แหละที่ทำให้ระบบไฟฟ้าในร่างกายของเรานั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากมากเลยนะ และด้วยการทำงานของระบบไฟฟ้านี่เองที่สามารถทำให้ระบบภายในของเรานั้นทำงานได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย และสิ่งที่มันดีออกมาจากภายในนั้นแหละจะส่งผลออกมาถึงภายนอกให้เราได้เห็นในเวลาไม่ช้าเลย ดังนั้นเพื่อนที่ชอบและรักในการอาบน้ำอุ่นบ่อยๆ ก็อย่าลืมที่จะดูแลเรื่องที่ร่างกายของเราจะแห้งเกินไปด้วยนะเพราะถ้ายิ่งแห้งมากมากระบบการสื่อสารต่าง...