เราใช้เวลาหนึ่งในสามของชีวิตไปกับการนอนหลับ แม้ว่าดูจากภายนอกจะเหมือนว่าไม่มีอะไรนอกจากเราต้องนอนเป็นกิจวัตร แต่หากเราใช้เวลาพิจารณามันมีบางสิ่งที่ตรงกันข้าม เนื่องจากมีรายละเอียดและความน่าสนใจที่เราไม่ทันสงสัยในแวบแรก
พวกเราได้รวบรวมข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับการนอนหลับและสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
1. ประสพการณ์และความคุ้นเคย
© Rene Asmussen / Pexels © Pexels / Pixabay
มีความแตกต่างในภาพของความฝันในแต่ละคน และมีบางคนที่เวลาฝันภาพในความฝันจะเป็นสีดำและสีขาว เพราะอะไรทำไมเราจึงมีสีในความฝันที่แตกต่างกัน คุณอยากจะรู้ไหม ?
ความจริงมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน สำหรับการคิดว่าเราเห็นสีต่าง ๆ แตกต่างกันไปนั้น เราพบว่าเกิดจากคนที่มีความทรงจำเกี่ยวกับการดูภาพผ่านโทรทัศน์ขาวดำ เมื่อความคุ้นเคยของสมองในการมองผ่านสิ่งที่เป็นเรื่องราว ที่เป็นสีดำทำให้เกิดกระบวนการคิดที่เป็นสีดำ ดังนั้นความฝันของพวกเขาจึงมักเป็นภาพสีขาวดำ เพราะสมองชินกับการคิดและเข้าใจสีแบบนั้น นั้นเองดังนั้นคนที่ไม่เคยดูทีวีหรือหนังขาวดำเลยอย่างคนรุ่นที่ดูทีวีสีเท่านั้นส่วนมากจึงฝันเป็นสีสันแบบต่าง ๆ
2. ความฝันเกิดมาจากประสาทสัมผัสทั้ง 5
© Kostudio / Depositphotos
คนที่มองไม่เห็นก็มีอาการฝันตอนหลับเหมือนกับเราเช่นเดียวกัน และเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนก็น่าจะคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครก็ต้องฝันกัน … แต่คุณเคยคิดไหมว่าความฝันของพวกเขาจะมีภาพแตกต่าง หรือ เหมือนกับของเรา จากการสอบถามและเก็บข้อมูลทำให้เราได้รู้ว่าความฝันที่เขาเห็นนั้นมีสิ่งที่แตกต่างกันกับที่คนทั่วไปคิดมาก เนื่องจากคนเหล่านี้ใช้ประสาทสัมผัสที่พวกเขามี : เช่นการได้ยินการดมกลิ่น การสัมผัส และการลิ้มรส แปลออกมาเป็นภาพความคิดในสมองอีกครั้ง ซึ่งมันค่อนข้างยากที่จะจินตนาถึงสิ่งของที่เรามองไม่เห็น แต่พวกเขาก็จะสร้างภาพของสิ่งต่าง ๆ ออกมาในความคิด ตามรูปแบบและประสพการณ์ที่แตกต่างกันและนั้นเองคือภาพที่แต่ละคนจะเห็นในความฝันตอนที่เขานอนหลับ
3. สัตว์ต่าง ๆ ก็มีความฝัน
© Fabricio Trujillo / Pexels
เพื่อนหลาย ๆ คนที่เคยเลี้ยวสัตว์ บางทีคุณอาจเคยสัมผัสกับเรื่องราวแบบนี้มาก่อนนั้นคือ ภาพของสัตว์เลี้ยงของเราที่นอนหลับและขยับร่างกาย หรือ ในบ้างครั้งก็ส่งเสียงร้องออกมา ตอนนอนซึ่งนั้นก็คือผลที่เกิดจากที่พวกมันกำลังฝันอยู่นั้นเอง เพราะสมองของสัตว์ที่มีความคิด
4. สมองยังทำงานในขณะที่คุณหลับในรูปแบบการคิดเป็นความฝัน
© darkmoon1968 / Pixabay
เมื่อสมองยังคงทำงานอย่างหนักในระหว่างการนอนหลับ ซึ่งในความเป็นจริงเราอาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากความคิดดีดีที่เกิดขึ้นเมื่อเรานอนหลับ เช่น อดีตสมาชิกวง Beatles Paul McCartney เขาแต่งเพลง Yesterday (หนึ่งในเพลงฮิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา) ในฝัน ดังนั้น เราควรใส่ใจกับความจริงที่ว่าแนวคิดการทำงานของคุณอาจมีอยู่ในความฝันของคุณ!
5. ใบหน้าที่คุ้นเคย
© Skitterphoto / Pexels
คุณเคยสังเกตุหรือไม่ว่า ใบหน้าของคนที่อยู่ในความฝันนั้นเป็นแบบไหน มองเห็นได้ชัดเจน หรือ แค่เบลอ จากข้อมูลต่าง ๆ ทำให้เราสามารถสรุปได้ว่าในความฝันนั้นสิ่งสำคัญไม่ใช่การมองเห็นแบบที่เรารับรู้กันอยู่เหมือนการเปิดตาดู แต่ในความฝันที่เปรียบเสมือนเป็นโลกของความคิด ระดับของการนอนหลับและสติของคุณจึงเป็นตัวตัดสินความชัดและเบลอของภาพซึ่งจริง ๆ แล้วมันคือความทรงจำนั้นเอง และถึงแม้ว่าคุณจะมองเห็นใบหน้าของคนที่ฝันถึง ชัดเจนหรือเบลอ แต่คุณก็ยังระบุตัวตนของคนเหล่านั้นได้อย่างถูกต้อง เพราะในฝันนั้นคือภาพสะท้อนของความคิดของเรานั้นเอง
6. ความทรงจำ
© Coco / Disney
เพียงเพราะคุณจำความฝันไม่ได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ได้ฝัน! มีโอกาสที่คุณจะลืมแต่ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะทุกคืนคนทั่วไปที่นอนหลับมักจะมีการฝันหลายความฝัน แต่ส่วนใหญ่ (ร้อยละสูงถึง 95%) ไม่สามารถจำได้ ดังนั้นจงชื่นชมสิ่งที่คุณจำได้
7. ผู้ชายและผู้หญิงมีความฝันที่ไม่เหมือนกัน
© bruce mars / Pexels © John-Mark Smith / Pexels
คำกล่าวที่ว่า “ผู้ชายมาจากดาวอังคารผู้หญิงมาจากดาวศุกร์” ที่บอกถึงความแตกต่างของ การคิด และการกระทำของคนทั้งคู่นั้น ยังคงใช้ได้และยิ่งเมื่อพูดถึงความฝันและเนื้อหาของความฝันเหล่าแล้วยิ่งทำให้เราเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่นผู้ชายมักจะมีความฝันในรูปแบบการต่อสู้ก้าวร้าวหรือรุนแรง ในขณะที่ผู้หญิงมักจะฝันถึงเรื่องราวความรักโรแมนติก
8. กิน ดื่ม นอนหลับ
© NastyaSensei Sens / Pexels © ulleo / Pixabay © StockSnap / Pixabay
การง่วงนอนหลังทานอาหาร ไม่ใช่ว่าคุณคิดไปเองแต่จริง ๆ แล้วเนื่องจากอาหารบางอย่างทำให้เราง่วงนอนได้ ในหมู่ของผลิตภัณฑ์อาหารอย่างเช่น นม เชอร์รี่ เนื้อไก่งวง กล้วยและเมล็ดฟักทอง มีสารอาหารที่กระตุ้นการนอนหลับ ดังนั้นหากคุณมีอาการนอนไม่หลับให้พิจารณาหนึ่งในตัวเลือกเหล่านี้สำหรับอาหารว่างสิ
9. การตื่นนอน
© Tharakorn / Depositphotos
เรารู้ว่าการลุกออกจากเตียงในตอนเช้าของวันทำงานไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะความสะดวกสบายที่คุณรู้สึกเมื่อคุณนอนขดตัว หรือเพราะคุณมีช่วงเวลาที่ดีในตอนกลางคืน แต่ถ้าหากใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงในการตื่นนอน สิ่งนี้สามารถเรียกว่า dysania(โรคเตียงดูด) ซึ่งเป็นอาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แต่นี่ไม่ใช่โรค แต่ถือว่าเป็นข้อบ่งชี้ถึงสภาพที่ร้ายแรงซึ่งไม่ควรเพิกเฉยเช่น ภาวะซึมเศร้าหรือความเครียด ที่อาจจะตามมา
10. ฝันร้าย
© LarioTus / Depositphotos
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับความกลัวและความหวาดกลัว แต่ 50% ของอารมณ์ที่เกี่ยวข้องในฝันร้ายนั้นแตกต่างและห่างไกลจากสิ่งที่เรียกว่า “น่ากลัว” ในฝันนั้น มันไม่ใช่ทั้งสัตว์ประหลาดหรือความมืดหรือตัวตลกที่น่าขนลุกหรือวัสดุใด ๆ ที่คู่เหมือนกับหนังสยองขวัญ เนื่องจากมากกว่าครึ่งหนึ่งของความฝันนั้นเกิดจากอารมณ์ความรู้สึกก่อนการหลับ เช่นความสับสน ความเศร้า และความรู้สึกผิด ซึ่งนั้นจะทำให้คุณรู้สึไม่สบายตัว และถ้าคุณพบฝันร้ายชนิดนี้บ่อยนั้นหมายความว่ากำลังเกิดปัญหาขึ้นในชีวิตจริง แล้วและคุณควรหาทางแก้ไขเพื่อที่จะได้ไม่เกิดเป็นปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีก
11. อีก 5 นาที
© Rawpixel / Pexels
ไม่ว่าจะมีงานที่คุณยังไม่สามารถทำให้เสร็จได้ เพราะคุณต้องอยู่ดึกที่สำนักงาน หรือเพราะคุณต้องการดูตอนจบของภาพยนตร์ที่คุณไม่ควรพลาด แต่เราของแนะนำว่า การนอนหลับนั้นสำคัญมากและเวลาของการเข้านอนก็สำคัญเช่นเดียวกัน เพราะหากคุณนอนไม่เป็นเวลาระบบต่าง ๆ ของร่างกายก็จะทำงานได้ ไม่ถูกต้องตามไปด้วย
12. เลข 7 แห่งความโชคดี
© belchonock / Depositphotos © vtorous / Depositphotos
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าคนโดยเฉลี่ยจะหลับไปภายใน 7 นาทีหลังจากถึงเวลาเข้านอนที่ทำประจำ บางครั้งอาจใช้เวลาเพิ่มอีกเล็กน้อย ซึ่งต้องคำนึงถึงระดับของการออกกำลังกายด้วย อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่จะใช้เวลาโดยเฉลี่ยเท่านี้ และสำหรับคุณต้องใช้เวลานานแค่ไหนที่คุณจะผล็อยหลับไป? ***หมายเหตุ (แต่ในบางรายที่นอนไม่เป็นเวลา หรือมีเรื่องที่ยังติดใจต้องคิดจะทำให้นอนไม่หลับ ไม่สามารถใช้เวลา 7 นาทีเป็นตัวบอกเรื่องการเข้านอนได้)
อย่างที่คุณเห็นศิลปะการนอนหลับนั้นซับซ้อนกว่าที่คิด หากคุณต้องการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโลกแห่งความฝันอันน่าทึ่งนี้ แบ่งปันประสบการณ์ของคุณกับเราสิ!
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside เรียบเรียงโดย BTW