หลักการนอนแบบต่างๆ ถ้าคุณเลือกใช้ให้เหมาะสมแล้วคุณจะตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น

คงเป็นอย่างเดียวที่หลายคนบอกว่าทำอย่างไรก็ไม่พอ และหลายคนก็บอกว่าสามารถนอนข้ามวันข้ามคืนกันเลยด้วยก็มี ใช่แล้วการนอนนี้แหละที่สุดของความสุขของเราแล้ว ถึงแม้ว่าในตอนที่คุณเป็นเด็กคุณจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ยอมนอน ซึ่งทำให้พ่อแม่ของคุณหงุดหงิด แต่ในทางกลับกันในตอนที่เราโตเป็นผู้ใหญ่เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อทำให้เราสามารถงีบได้!ตลอดวัน เพราะการนอนหลับให้พลังงานกับเราซึ่งช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตต่อไปด้วยจิตใจและร่างกายที่สดชื่น โดยช่วงเวลา 13.00 – 16.00 น. นั้นมันช่างง่วงเหลือเกิน แต่เรากลับต้องมานั่งทำงานนะสิ อย่างไรก็ตามระยะเวลาและเหตุผลในการงีบแต่ละอย่างมันมีความแตกต่างกัน

ตามหลักการณ์ทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เราเห็นถึงความเกี่ยวข้องระหว่างการงีบประเภทต่างๆ กับผลของมัน และพวกเราต้องการช่วยให้คุณรู้ว่าการงีบที่แบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการของคุณ

การงีบมี 3 ประเภทในแง่ของเหตุผล

1. งีบแบบตั้งใจไว้ล่วงหน้าแล้ว

© Friends / Warner Bros.

นี่คือการงีบที่คุณตั้งใจจะทำก่อนที่จะรู้สึกเหนื่อยเพื่อประหยัดพลังงาน หากคุณต้องตื่นนอนเป็นเวลานานหลายชั่วโมงในตอนกลางคืน คุณสามารถได้ประโยชน์จากการงีบได้ในเวลากลางวัน

2. หลับฉุกเฉิน

© Sharp Objects / HBO

เมื่อคุณรู้สึกอยากปิดตาหมายความว่าคุณต้องงีบทันที ร่างกายของคุณกำลังแสดงสัญญาณของความอ่อนล้าเพื่อให้คุณสามารถหลับตาและพักผ่อนได้ ตัวอย่างเช่นเมื่อคุณรู้สึกว่ามันง่วงมากในขณะขับรถ คุณควรขับรถเข้าข้างทางที่ปลอดภัยและงีบสักครู่

3. การงีบหลับในเวลาเดิมๆจนเป็นนิสัย

การงีบหลับประเภทนี้เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็ก เนื่องจากมันเกิดขึ้นทุกวันในเวลาที่เหมาะสม แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถลองใช้ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเมื่อคุณคุ้นเคยกับการงีบเป็นนิสัยร่างกายของคุณอาจต้องนอนในเวลาที่กำหนดดังนั้นคุณต้องเตรียมเวลาให้พร้อม

ผลกระทบของการงีบยังแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเวลาที่คุณนอนหลับ

1. หยุดชั่วคราวพลัง: 10 นาทีถึง 20 นาทีของการงีบเรียกว่าการงีบหลับอย่างมีพลังงาน

© Totoro / Studio Ghibli

เมื่อคุณต้องการตื่นตัวตลอดทั้งวัน การงีบหลับอย่างรวดเร็วสามารถให้พลังลดความเหนื่อยล้าและเพิ่มความสนใจในช่วงสองสามชั่วโมง จากการศึกษาของ National Sleep Foundation การงีบหลับ 20 นาทีช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและอารมณ์ของคุณ การงีบอย่างมีแบบนี้เพิ่มพลังให้คุณมาก ดังนั้นหากคุณมีโอกาสงีบก็ควรหลับต่อไป!

2. การนอนเพียงแค่ 30 นาทีนั้นไม่ใช่การนอนหลับที่ดีสักเท่าไหร่นัก

© Frozen / Disney

แม้การงีบเพียงแค่ 10 นาทีก็มีผล ในขณะที่งีบหลับนานถึง 20 นาทีจะมีสุขภาพดี แต่การงีบหลับ 30 นาทีจะทำให้เกิดอาการมึนงงหรือที่รู้จักกันในชื่อ“ อาการมึนค้างจากการนอน” นั้นเพราะสมองและร่างกายของคุณต้องการการนอนหลับลึกมากกว่า 20 นาที ซึ่งการตื่นขึ้นหลังจากเริ่มนอนเพียงแค่ 30 นาที นั้นจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิมอีก หากคุณรู้สึกว่ากำลังงีบหลับฉุกเฉินและไม่มีเวลาพักผ่อนให้ลองงีบหลับแบบ 10 – 20 นาทีก็พอ

3. หลับตาและเปิดสมองด้วยการหลับ 60 นาที

มันเป็นความจริงที่พิสูจน์แล้วว่าการงีบหลับ 40 นาทีช่วยเพิ่มความจำระยะสั้น จากการศึกษาพบว่า 85% ของคนที่ถูกขอให้จำชุดของการ์ดและงีบหลับ 40 นาทีหลังจากนั้นพวกเขาจำการ์ดได้อย่างถูกต้องในขณะที่อัตราความสำเร็จของกลุ่มที่ไม่ได้หลับอยู่ที่ 60%

เนื่องจากคุณอยู่ในสถานะหลับสนิทในช่วงเวลางีบหลับ 60 นาทีคุณอาจตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างทางกายภาพของผู้คนคุณควรลองค้นหาว่าระยะเวลาใดเหมาะกับคุณที่สุด เมื่อคุณต้องการจดจำรายละเอียดต่างๆเช่น ชื่อ ใบหน้า หรือสถานที่ ลองงีบหลับเป็นเวลา 40 นาทีถึง 60 นาที

4. การนอน 90 นาทีคือช่วงเวลาคุณภาพสำหรับจิตใจ:

© The Simpsons / FOX

ต้องบอกงว่าแค่ 90 นาทีนั้นก็มีประโยชน์เช่นเดียวกับการนอนหลับตอนกลางคืน 8 ชั่วโมง ขอแนะนำให้งีบหลับ 90 นาที แม้แต่นาซ่าก็พูดเช่นนั้น! นี่เป็นเพราะการที่เราได้นอนหลับเต็มรอบในเวลา 90 นาที จะช่วยลดความเป็นไปได้ของความเฉื่อยที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการงีบหลับเป็นเวลา 30 นาทีหรือ 60 นาที อีกทั้งยังช่วยให้ความทรงจำดีขึ้น และยังเกี่ยวพันไปถึงกระบวนการคิดและอารมณ์ ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ง่ายด้วยนะ

ดังนั้นแล้วหากคุณมีเวลาและเลือกได้ เราอยากให้คุณเลือกนอนเพื่อรับประโยชน์จากการนอนโดยใช้เวลา 90 นาทีอีกทั้งหากคุณพยายามเล่นเครื่องดนตรีใหม่ หรือกำลังเรียนรู้ภาษาใหม่หรือวิธีการใช้งานอะไรสักอย่างละก็ ลองฝึกฝนก่อนงีบหลับดูสิ แล้วคุณจะพบว่าคุณจดจำสิ่งที่คุณทำเมื่อคุณตื่นขึ้นนั้นได้ดีขึ้น

อย่าลืมว่าความจำเป็นในการงีบหลับนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพการนอนหลับ ความอดทนทางกาย และสภาพอารมณ์ของคุณ ไม่ใช่ทุกคนที่งีบหลับดังนั้นคุณไม่ควรบังคับให้คุณหลับโดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้า

ไม่มีอะไรสามารถแทนที่การนอนหลับฝันดีในตอนกลางคืนตามเวลาปกติได้ และทีสำคัญอีกอย่างนั้นก็คือเราขอแนะนำให้คุณเลือกนอนที่อื่นที่ไม่ใช่เตียงของคุณ เพราะการนอนก่อนเวลาที่เตียงนั้นมันจะทำให้คุณนอนในตอนกลางคืนไม่หลับสบายเนื่องจากร่างกายจดจำได้ว่าเคยนอนแบบนี้ไปแล้วในวันนี้และมันพยายามไม่นอนซ้ำเพราะคิดว่านอนมากไปนั้นเอง

อย่าลืมแบ่งปันเคล็ดลับการพักผ่อนของคุณกับเราในความคิดเห็น!

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside เรียบเรียงโดย BTW